วิธีการเลือกซื้อ MP3

วันจันทร์ที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553 , Posted by sky_like at 00:46

วิธีการเลือกซื้อ MP3




เครื่องเล่นเอ็มพีสามกำลังมาแรงในช่วงนี้ ดังจะเห็นได้ว่าตามห้างไอทีต่างๆ จะมีวางขายกันเกลื่อนกลาดมากมาย ทั้งที่เป็นของมียี่ห้อ และของโนเมนราคาถูกทั้งหลาย ด้วยจำนวนที่มากและหลากหลายขนาดนี้ อาจทำให้ผู้ซื้อหลายรายกังวลใจเป็นอย่างยิ่งในการเลือกซื้อหาเครื่องเล่น เอ็มพีสามมาครอบครองสักเครื่องหนึ่ง?
วันนี้ผมขอนำเสนอเรื่องของการเลือกซื้อเครื่องเล่นเอ็มพีสาม โดยเน้นไปที่เอ็มพีสามราคาประหยัดที่มีให้เลือกกันมากมายในขณะนี้ ซึ่งมีหลายประเด็นที่ควรนำไปพิจารณาก่อนการเลือกซื้อทุกครั้ง มาดูกันทีละส่วนเลยครับ?


การออกแบบและวัสดุของตัวเครื่อง
เริ่ม ตั้งแต่เรื่องของหน้าตากันก่อน บอกได้เลยว่าต้องเลือกเองครับ อยากได้หน้าตาของเครื่องแบบไหนก็เลือกกันไป วัสดุที่ใช้ก็สำคัญเช่นกัน ถ้าเครื่องเล่นที่ราคาแพงๆ อาจจะใช้วัสดุน้ำหนักเบาและแข็งแรงอย่าง แม็กนีเซียมอัลลอย แต่ว่าส่วนใหญ่ที่เห็นจะใช้พลาสติกคุณภาพดีมาทำมากกว่า เพราะราคาไม่แพงและมีสีสันต่างๆ ที่สวยงาม ขนาดของตัวเครื่องก็สำคัญเช่นกันครับ ถ้าเป็นเครื่องเล่นเอ็มพีสามที่ใช้หน่วยความจำแบบแฟลชจะมีขนาดค่อนข้างเล็ก แต่ก็มีความจุน้อยกว่าเครื่องเล่นที่ใช้ฮาร์ดดิสก์จิ๋วในการเก็บข้อมูล แบบนี้จะมีความจุในระดับกิกะไบต์ แต่ตัวเครื่องก็มีขนาดใหญ่ตามไปด้วย และใช้พลังงานมากกว่า ดังนั้นควรพิจารณาตามความเหมาะสมครับว่า คุณต้องการเครื่องเล่นที่พกพาได้สะดวก หรือว่าเครื่องที่เน้นไปในเรื่องของความจุมากกว่ากัน?

หน่วยความจำ
เครื่อง เล่นเอ็มพีสามแบ่งหลักๆ ได้ 2 แบบครับ ก็คือ แบบที่ใช้หน่วยความจำแบบแฟลช และแบบที่ใช้ฮาร์ดดิสก์สำหรับเก็บข้อมูล ถ้าเป็นแบบแรกนั้นส่วนใหญ่จะมีขนาดหน่วยความจำตั้งแต่ 64 เมกะไบต์ ไปจนถึง 512 เมกะไบต์ และบางรุ่นถูกออกแบบให้สามารถเพิ่มหน่วยความจำเสริมประเภท SD หรือ MMC ได้ในภายหลัง ซึ่งตัวเครื่องจะใหญ่กว่ารุ่นที่เพิ่มหน่วยความจำไม่ได้ครับ ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับคนที่มีงบไม่มากนัก และห่วงเรื่องความจุของตัวเครื่อง?
ส่วนแบบที่ใช้ฮาร์ดดิสก์ สำหรับเก็บข้อมูลนั้นจะมีความจุในระดับกิกะไบต์ ในบ้านเราที่มีขายกันก็มีรุ่น 4,10,20 และ 30 กิกะไบต์ ซึ่งเพิ่มหน่วยความจำไม่ได้ครับ เพราะมีอยู่เยอะแล้ว ราคาแต่ละเครื่องก็อยู่ในหลักหมื่น แต่ว่าจะมีข้อดีตรงที่คุณสามารถนำไปใช้เก็บข้อมูลอื่นๆ ได้ด้วย นอกจากที่จะใช้เก็บเพลงอย่างเดียว ในการพิจารณาส่วนนี้ ถ้าถามถึงความคุ้มค่า รุ่นที่ใช้ฮาร์ดดิสก์ในการเก็บข้อมูลเมื่อคิดออกมาเทียบราคาต่อความจุแล้ว คุ้มค่ากว่ามาก แต่ว่าเราต้องเสียเงินจำนวนมากๆ ในครั้งแรก ส่วนถ้าเป็นพวกที่ใช้หน่วยความจำแฟลชถึงแม้ว่าเทียบราคาต่อความจุแล้วจะดู ค่อนข้างแพง แต่ถ้ามองเรื่องของราคาเครื่องแล้วก็นับว่าถูกแสนถูกครับมีให้เลือกตั้งแต่ ระดับพันกว่าบาท ไปจนถึงเกือบๆ หมื่นบาท ตรงนี้คงต้องบอกว่าเลือกตามงบประมาณที่มีไว้จะดีที่สุดครับ เทคโนโลยีเปลี่ยนเร็วใช้ไปสักพักค่อยซื้อเครื่องรุ่นใหม่ ความสามารถเยอะกว่าเดิมก็ได้?

การฟังเพลงเอ็มพีสาม
ฟังก์ชัน หลักของเครื่อง ซึ่งแต่ละเครื่องจะใช้งานในการเล่นเอ็มพีสามคล้ายๆ กันครับ โดยต้องมีการโอนข้อมูลจากโน้ตบุ๊กหรือพีซีเข้าสู่เครื่องเอ็มพีสามกันเสีย ก่อน จากนั้นผู้ใช้ก็เพียงแค่กดปุ่ม play เท่านั้นเอง แต่ว่าการเล่นนั้นจะมีโหมดการเล่นมาให้ด้วย เช่น โหมดการเล่นซ้ำ โหมดการเล่นแบบสุ่ม เป็นต้น รวมไปถึงการหยุดเพลง การเลือกเพลงตามโฟลเดอร์ หรือว่าความสามารถในการลบเพลงจากตัวเครื่อง รุ่นใหม่ๆ เขามีฟังก์ชันในการแสดงเนื้อเพลงด้วย แต่เท่าที่ผมได้ลองดูกับเครื่องจอเล็กๆ ไม่เหมาะครับ เพราะพื้นที่ค่อนข้างน้อย ดูก็ลำบาก ตัวหนังสือเลื่อนก็ไม่ค่อยตรงกับเพลวงเท่าไหร่ ดังนั้นก่อนซื้อควรศึกษาดู และลองใช้ดูก่อนครับว่า เครื่องรุ่นนั้นๆ มีลูกเล่นอะไรมาให้บ้าง และเราใช้งานได้ถนัดแค่ไหนกัน?

การฟังวิทยุ
เป็น อีกฟังก์ชันหนึ่งที่มีประโยชน์มากสำหรับเครื่องที่มีความจุไม่มากนัก เพราะฟังเพลงในเครื่องจนเบื่อแล้วจะได้สามารถเปิดวิทยุฟังได้ด้วย สำหรับฟังก์ชันนี้เครื่องรุ่นเล็กๆ ราคาประหยัดบางรุ่นจะไม่มีครับ ดังนั้นควรดูจากสเปกให้ดีด้วยเพราะไม่ได้มีมาให้ทุกเครื่อง ฟังก์ชันนี้ส่วนใหญ่เราจะต้องพิจารณาในเรื่องของการปรับเลือกสถานี การสแกนหาคลื่นวิทยุว่าทำได้รวดเร็วแค่ไหน ความคมชัดของสัญญาณ และเรื่องของจำนวนสถานีที่สามารถบันทึกเอาไว้ในหน่วยความจำได้ เครื่องบางรุ่นมีความสามารถในการบันทึกเสียงของวิทยุเก็บไว้ฟังได้อีกด้วย ครับ การพิจารณาก็ดูฟังก์ชันหลักๆ ที่ควรมีตามที่ผมได้บอกไปแล้ว ส่วนฟังก์ชันอื่นๆ เช่น แสดงชื่อสถานีวิทยุที่เราบันทึกเอาไว้ ก็เป็นส่วนเสริมอีกอย่างหนึ่งที่มีก็ได้ ไม่มีก็ไม่เป็นไร?

การเก็บข้อมูล
อีก ความสามารถหนึ่งที่คนใช้เครื่องเล่นเอ็มพีสาม มักจะไม่ค่อยนำมาใช้กัน เพราะเข้าใจว่าเครื่องเล่นเอ็มพีสามเอาไว้ฟังเพียงแค่อย่างเดียว จริงๆ แล้วเมื่อเราเชื่อมต่อเครื่องเล่นเอ็มพีสามเข้ากับพีซี เครื่องพีซีจะมองเห็นตัวเครื่องเล่นเป็นไดรฟ์ตัวหนึ่งแบบ Removable Drive เราสามารถโยนไฟล์งานต่างๆ เข้าไปเก็บไว้ได้ หรือจะสร้างโฟลเดอร์ต่างๆ ก็ทำได้เช่นกัน ซึ่งเครื่องเล่นที่มีความจุน้อยๆ คงไม่เหมาะมากนัก เพราะแค่ลำพังพื้นที่สำหรับเก็บเพลงต่างๆ ก็จะไม่พอแล้วหล่ะครับ ดังนั้นอาจจะเหมาะกับเครื่องเล่นความจุสูงๆ เสียมากกว่า?

การบันทึกเสียง
ใน เรื่องของการบันทึกเสียงนี้ ก็แบ่งเป็นได้หลายๆ ส่วนครับ เริ่มจากการบันทึกเสียงจากไมโครโฟน บางรุ่นมีไมโครโฟนอยู่ที่ตัวเครื่องเลย บางรุ่นก็มีช่องสำหรับเสียบไมโครโฟนเสริมมาให้ด้วย ซึ่งแบบที่มีช่องเสียงไมโครโฟนมาให้ดี จะได้รับความสะดวกในการใช้งานมากยิ่งขึ้น เพราะไม่ต้องเอาเครื่องไปใกล้กับแหล่งเสียงที่เราจะบันทึก เอาไปแต่หัวไมโครโฟนก็เพียงพอแล้ว แต่อาจจะไม่สะดวกนักเพราะคุณจะต้องพกไมโครโฟนติดตัวไปด้วยอีก 1 อย่าง เรื่องของคุณภาพเสียงในการบันทึกก็สำคัญเช่นกันครับ เครื่องบางรุ่นปรับได้ บางรุ่นปรับไม่ได้ แน่นอนว่าเครื่องที่ปรับได้ย่อมดีกว่าอยู่แล้ว เพราะเราสามารถเลือกได้ว่าเสียงไหนเราต้องการบันทึกให้ได้คุณภาพเสียงที่ดี กว่า หรือว่าเสียงไหนต้องการที่แย่กว่า เพราะว่ายิ่งเสียงดีเท่าไหร่ เราก็ต้องเสียพื้นที่ในการเก็บข้อมูลมากตามไปเท่านั้น ส่วนใหญ่เครื่องที่ความจุประมาณ 128 เมกะไบต์ก็จะบันทึกเสียงในคุณภาพกลางๆ ได้ราว 4 ? 8 ชั่วโมงอยู่แล้วครับ ซึ่งเพียงพอต่อการใช้งานในแต่ละวันแล้ว?
ต่อ ไปเป็นการบันทึกเสียงจากวิทยุ มีในบางรุ่นเช่นกันครับ ฟังก์ชันนี้มีไว้ก็ดี ไม่มีก็คงไม่เดือดร้อนเท่าไหร่ เพราะเราคงไม่มานั่งบันทึกเสียงจากวิทยุเก็บไว้ฟังสักเท่าไหร่ แต่ถ้าคุณอยากจะบันทึกข่าวสาร หรือว่าเพลงใหม่ๆ ที่ยังไม่มีจำหน่าย ก็เป็นทางเลือกที่ดีครับที่ควรจะมีฟังก์ชันนี้เอาไว้?
สุดท้าย เป็นการบันทึกเสียงจากแหล่งภายนอกผ่านช่อง Line-in มีในบางรุ่นเช่นกันครับ มีประโยชน์เมื่อต้องการบันทึกเสียงจากเครื่องเล่นตัวอื่นๆ แล้วเก็บเป็นไฟล์ mp3 เพราะตัวเครื่องจะแปลงฟอร์แมตให้แบบอัตโนมัติครับ การพิจารณาส่วนนี้หลักๆ ก็น่าจะบันทึกเสียงผ่านไมโครโฟนได้ครับ ส่วนเสริมอื่นๆ จะมีหรือไม่มีคงต้องดูตามความต้องการของตัวคุณเอง?

การเชื่อมต่อ
ใน ส่วนของการเชื่อมต่อคงต้องดูเรื่องของมาตรฐานการเชื่อมต่อครับ ปัจจุบันเป็นแบบ USB กันทั้งหมดแล้ว ซึ่งต้องพิจารณากันต่ออีกว่าเป็น USB เวอร์ชันอะไร ปัจจุบันเท่าที่ผมสำรวจในตลาดจะเป็น USB 2.0 ซะส่วนใหญ่ แต่อาจจะมีแบบ USB 1.1 หลงเหลืออยู่บ้าง ความแตกต่างของสองเวอร์ชันนี้ก็คือ เรื่องของความเร็วครับ USB 1.1 มีความเร็วในการโอนถ่ายข้อมูลที่ 12 เมกะบิตต่อวินาที ส่วน USB 2.0 มีความเร็วในการโอนถ่ายข้อมูลที่ 480 เมกะบิตต่อวินาที ตามสเปกแล้วจะเร็วกว่าถึง 40 เท่าครับ เวลาเราโอนเพลงจากโน้ตบุ๊กหรือพีซีเข้าสู่ตัวเครื่องเล่นถ้าเป็น USB 2.0 จะถ่ายโอนได้รวดเร็วมาก ซึ่งเครื่องบางรุ่นจะมีหัวเชื่อมต่อ USB ติดอยู่กับตัวเครื่องเลย บางรุ่นต้องใช้สายเชื่อมต่อตางหาก อย่าลืมดูก่อนเอาไว้ด้วย ดังนั้นเวลาเลือกซื้อควรตรวจสอบดูจากสเปกด้วยว่าใช้มาตรฐานการเชื่อมต่อแบบ USB 2.0 แล้วหรือยัง ถ้าใช้ USB1.1 อยู่ไม่ควรซื้อมาใช้งานแล้วครับ?

ซอฟต์แวร์ที่มีมาให้
เครื่อง เล่น Mp3 ราคาแพงส่วนใหญ่จะมีซอฟต์แวร์แถมมาให้ด้วยครับ โดยเฉพาะเครื่องเล่นที่ใช้ฮาร์ดดิสก์ในการเก็บข้อมูลมักจะมีมาให้แทบทุก ยี่ห้อ แต่ถ้าเป็นเครื่องเล่นราคาประหยัดจะมีเพียงไดรเวอร์สำหรับวินโดวส์รุ่นเก่าๆ เท่านั้นครับ ซอฟต์แวร์ที่แถมมาให้นี้ส่วนใหญ่จะเป็นซอฟต์แวร์สำหรับจัดการพวกไฟล์ MP3 ต่างในเครื่อง เช่น การโอนถ่ายเพลงไปยังเครื่องเล่น การซิงก์เพลงให้ตรงกับเครื่องพีซี หรือว่าจะเป็นซอฟต์แวร์ที่ใช้ในการแปลงฟอร์แมตของเพลง เช่น แปลงจากออดิโอซีดีมาเป็นไฟล์ MP3 บางโปรแกรมมีความสามารถในการดึงเพลงจากแผ่นวีซีดีมาเป็น Mp3 อีกด้วยครับ นอกจากนี้ยังมีโปรแกรมที่ออกแบบมาเพื่อการตัดต่อ และใส่เอฟเฟกต์ให้กับเพลง ซึ่งถือว่าเป็นสิ่งที่น่าสนใจครับ แต่ถ้าเป็นการใช้งานพื้นฐานทั่วๆ ไปแล้ว ก็อาจจะไม่จำเป็นมากนัก?

ระบบการแสดงผล
การ แสดงผลที่ผมอยากจะแนะนำก็คือ เรื่องของการแสดงชื่อเพลง หรือว่าการแสดงรายละเอียดต่างๆ บนหน้าจอ เริ่มจากการแสดงผลในภาษาต่างๆ ก่อน ตอนนี้มีเครื่องเล่นเพียงไม่กี่รุ่นครับที่สามารถแสดงภาษาไทยได้ และบางรุ่นแสดงภาษาไทยได้บางคำเท่านั้นก็มีขายเช่นกัน ส่วนใหญ่ที่ไม่มีปัญหาเลยก็คือ ภาษาอังกฤษ ภาษาจีน และภาษาญี่ปุ่น ซึ่งเขาจะใส่มาให้ในเครื่องเลยครับ แสดงผลได้อย่างถูกต้อง ที่ว่าภาษาไทยแสดงแล้วมีปัญหาบ้าง เพราะบางทีสระที่แสดงมันไม่ค่อยเข้าที่เท่าไหร่ อาจจะเห็นว่าอยู่บรรทัดเดียวกับตัวอักษรเลย แต่ก็พออ่านออกครับ ดีกว่าไม่เห็นเลย ทางแก้ไขก็มีอยู่ 2 แบบด้วยกันคือ แบบแรกจัดการเปลี่ยนชื่อเป็นภาษาอังกฤษเสียก่อน อีกแบบก็คือ ไปอัพเกรดเฟริม์แวร์ที่ผู้ผลิตเขาปรับปรุงให้แสดงภาษาไทยได้แทน แต่หาได้น้อยมากครับ แทบจะไม่มีให้เห็นเลย ผมว่าถ้าเครื่องไหนที่แสดงภาษาไทยได้ ราคาไม่แพง ฟังก์ชันค่อนข้างดี น่าจะขายดีเป็นเทน้ำเทท่า นึกถึงหลักความจริงที่ว่า ถ้าคุณจะเอาเพลงไปใส่ในเครื่องเล่นเอ็มพีสามสัก 100 ไฟล์คงไม่มานั่งเปลี่ยนชื่อเพลงให้เป็นภาษาอังกฤษทั้งหมดหรอกครับ เวลาฟังก็เดาชื่อเพลงกันไป ในอนาคตคงได้เห็นเครื่องเล่นที่สนับสนุนภาษาไทยออกสู่ตลาดมากยิ่งขึ้นตาม กระแสความนิยมที่กำลังเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน?

การอัพเกรดเฟิร์มแวร์
ก่อน อื่นคงต้องบอกก่อนครับว่า เฟิร์มแวร์คืออะไร อธิบายได้ง่ายๆ ว่าเป็นซอฟต์แวร์ตัวหนึ่งครับที่คอยควบคุมการทำงานส่วนต่างๆ ของเครื่องเล่นเอ็มพีสาม ซึ่งผู้ผลิตเขาออกแบบมาให้เราสามารถอัพเกรดได้ เผื่อว่าตัวซอฟต์แวร์เวอร์ชันเก่ามีปัญหาบางจุดจะได้ออกเฟิร์มแวร์เวอร์ชัน ใหม่มาแก้ไขได้ ส่วนใหญ่เมื่ออัพเกรดแล้ว ตัวเครื่องจะสนับสนุนฟอร์แมตของเพลงใหม่ๆ หรือว่าสนับสนุนภาษาต่างๆ ที่ใช้ในการแสดงผลมากยิ่งขึ้น ดังนั้นข้อดีค่อนข้างสำคัญครับ เพราะว่าการที่สามารถอัพเกรดเฟิร์มแวร์ได้นั้น ก็หมายถึงในอนาคตหากมีฟอร์แมตเพลงใหม่ๆ ออกมา ตัวเครื่องก็สามารถเล่นได้เช่นกัน วิธีการตรวจสอบนั้นดูจากสเปกเครื่องก่อนครับว่าสามารถอัพเกรดเฟิร์มแวร์ได้ หรือไม่ แล้วควรตามเข้าไปดูที่เว็บไซต์ของตัวแทนจำหน่ายหรือผู้ผลิตก่อนด้วยว่า มีการอัพเกรดเฟิร์มแวร์ใหม่ๆ ในรุ่นที่เราต้องการซื้อบ้างหรือไม่ เพราะบางเครื่องบอกเอาไว้ว่าอัพเกรดเฟิร์มแวร์ได้ก็จริงๆ แต่ซื้อมาใช้นานเป็นปีก็ไม่เห็นมีเฟิร์มแวร์เวอร์ชันใหม่ๆ มาให้อัพเดตกันบ้างเลย ฝากไว้พิจารณาในส่วนนี้ด้วยครับ?

แบตเตอรี่
คุณ จะฟังเพลงได้นานเท่าไหร่ ก็อยู่ที่แบตเตอรี่นี่แหละครับ มีด้วยกัน 2 แบบก็คือ แบตเตอรี่แบบลิเทียมไออนที่อยู่ในตัวเครื่องแล้วสามารถชาร์จไฟใหม่ได้ เครื่องประเภทนี้จะมีราคาสูง แต่ก็ดีตรงที่สามารถใช้งานได้นาน อีกแบบหนึ่งก็คือ แบบที่ใช่ถ่านขนาดต่างๆ ซึ่งแน่นอนครับมีราคาถูกกว่า และสามารถหาซื้อแบตเตอรี่มาเปลี่ยนได้ง่าย แถมยังเลือกแบบที่ชาร์จได้มาใช้งานได้อีกด้วย ถ้าคุณฟังเพลงไม่บ่อยหนัก และงบประมาณไม่มาก คงต้อเลือกแบบที่ใช้ถ่านขนาดต่างๆ แทน แต่ถ้างบมากอยากพกไปฟังนานๆ ก็เรื่องแบบที่ใช้แบตเตอรี่ภายในอย่างลิเทียมไอออนก็แล้วกัน?

การรับประกัน
การ รับประกันถือว่าเป็นสิ่งที่สำคัญอันดับต้นๆ ในการเลือกซื้อสินค้าไอทีครับ โดยเฉพาะเครื่องเล่นเอ็มพีสาม เหตุผลง่ายๆ เลยก็คือ เราคงไม่สามารถซ่อมแซมมันได้ด้วยตัวเอง คงต้องส่งเข้าศูนย์บริการอย่างเดียวครับ โดยทั่วๆ ไปเครื่องเล่นเอ็มพีสามจะรับประกันที่ 1 ปีครับ หากเกิดอาการผิดปกติที่เกิดจากตัวเครื่อเอง แต่ถ้าเกิดไปหล่นน้ำ หรือว่าตกพื้นแบบนี้คงไม่รับประกันอย่างแน่นอน และควรดูเงื่อนไขการรับประกันด้วยครับ ถ้าขี้เกียงอ่านก็ถามคนขายคร่าวๆ ดูครับว่า มีเงื่อนไขอย่างไรบ้าง รวมไปถึงการดูเรื่องของศูนย์บริการด้วยว่ามีเพียงพอหรือไม่ คุณเดินทางไปสะดวกแค่ไหน ระยะเวลาการซ่อมเป็นอย่างไร มีนโยบายในการเปลี่ยนสินค้าหรือไม่?
สุดท้ายคงต้องบอกว่า เครื่องเล่นเอ็มพีสาม ก่อนซื้อทุกครั้งควรไปลองเล่น ฟังเสียงก่อนครับ เพราะแค่เสียงเราก็ชอบไม่เหมือนกันแล้ว เครื่องแต่ละรุ่นก็ให้เสียงที่ไม่เหมือนกันอีก นี่ยังไม่รวมถึงความยากง่ายในการใช้งานนะครับ จำไว้ว่า เครื่องเล่นเอ็มพีสาม ไม่ได้ลองใช้ อย่าซื้อ! ถ้าจะซื้อ ต้องลองใช้ก่อนนะครับ?


ที่มา : commart.co.th?

Currently have 0 ความคิดเห็น:

Leave a Reply

แสดงความคิดเห็น